สติ๊กเกอร์ติดผนังยอดฮิต 4 ชนิด

– สติ๊กเกอร์ติดผนัง Direct Thermal – เป็นเนื้อสติ๊กเกอร์แบบความร้อนที่ไม่ต้องใช้ตัวกลาง (หมึกพิมพ์ริบบอน) ในการพิมพ์ ในตัวกระดาษจะมีเคมีที่จะเกิดสีเมื่อโดนความร้อนในปริมาณที่พอเหมาะ โดยหัวพิมพ์ซึ่งมีตัวกำเนิดความร้อนจะทำหน้าที่ส่งความร้อนมาที่กระดาษ ทำให้เกิดปฏิกิริยาทางเคมี และทำให้สีของกระดาษเปลี่ยนแปลง สติ๊กเกอร์ชนิดนี้จะมีราคาสูงกว่าเนื้อสติ๊กเกอร์ทั่วไป เนื่องจากไม่จำเป็นต้องใช้หมึกพิมพ์ริบบอน นิยมใช้ในงานที่มีอายุการใช้งานสั้น เช่น สินค้าบริโภคต่างๆ เพราะเนื้อสติ๊กเกอร์ติดผนังจะมีผลกระทบเมื่อโดนความร้อน หรือแสง UV

– สติ๊กเกอร์ติดผนังฟรอยด์ – เป็นสติ๊กเกอร์เนื้อหนาสีเทา มีราคาค่อนข้างสูงจึงเหมาะกับงานที่มีความเฉพาะเจาะจงมากกว่า เนื่องจากคุณสมบัติที่สามารถประยุกต์ใช้ได้กับงานที่ต้องการความคงทน เช่น งานทรัพย์สิน, งานอุตสาหกรรมเครื่องยนต์ ซึ่งต้องการสติ๊กเกอร์ที่มีอายุการใช้งานยาวนาน ทนความร้อนได้สูง ขูดไม่ออก นิยมใช้คู่กันกับหมึกพิมพ์ริบบอนเนื้อ resin เนื่องจากเป็นริบบอนที่ทนต่อการขูดขีดเช่นเดียวกัน

– สติ๊กเกอร์ผนังเนื้อขาวนวล (TTR Transfer) – เป็นสติ๊กเกอร์ที่มีลักษณะสีขาวนวล เนื้อเรียบเป็นพิเศษ มีความสวยงาม เนื่องจากความเรียบเนียนของพื้นผิว จึงทำให้เหมาะกับงานพิมพ์สติ๊กเกอร์แบบ pre-printed หรือสติ๊กเกอร์ที่มีการสั่งพิมพ์สีจากทางโรงงาน เพราะจะได้ในเรื่องของความคมชัด สวยงาม นิยมใช้กับหมึกพิมพ์ริบบอนสองประเภท คือเนื้อ wax ธรรมดา และ เนื้อ wax/resin ขึ้นอยู่กับความต้องการในการใช้งานของลูกค้า

– สติ๊กเกอร์ผนังเนื้อ PVC ใส – เป็นเนื้อสติ๊กเกอร์ชนิดพลาสติกใส มองทะลุได้ มีความทนทานสูง ฉีกไม่ขาด สามารถกันน้ำได้ มีราคาค่อนข้างสูงเนื่องจากวัตถุดิบไม่ใช่กระดาษ เหมาะกับงานเครื่องสำอาง ฉลากสินค้าที่ต้องการความหรูหรา นิยมใช้กับหมึกพิมพ์ริบบอนสองประเภท คือเนื้อ wax/resin และ resin ขึ้นอยู่กับความต้องการในการใช้งานของลูกค้า

 

 

มาทำความรู้จักกับท่อเหล็กดำ

ปัจจุบันท่อเหล็กเป็นวัสดุอุตสาหกรรมที่มีการนำมาใช้ในวงการก่อสร้างอย่างแพร่หลาย

และมีบทบาทเป็นวัสดุสำหรับการก่อสร้างเป็นจำนวนมาก และมีความสำคัญในการพัฒนาวงการก่อสร้างของประเทศไทย

วันนี้  nssteel จึงได้นำสาระดีๆเกี่ยวกับท่อประปาที่เกิดจากท่อเหล็กดำ มาฝากกันค่ะ

ท่อประปาที่เกิดจาก การนำท่อเหล็กดำมาชุบสังกะสี จึงมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า ท่อเหล็กอาบสังกะสี

ท่อประปา ที่ใช้กันอยู่ทั่วไป ตามท้องตลาด จะแบ่งตามความหนา ได้ 3 ประเภท คือ

ท่อประปา BS-S (ท่อเหล็กดำอาบสังกะสี แบบบาง)

ท่อประปา BS-M (ท่อเหล็กดำอาบสังกะสี แบบหนา)

ท่อประปา BS-H (ท่อเหล็กดำอาบสังกะสี แบบ Heavy)

ท่อเหล็กดำ คือ การนำเหล็กกล้า ผ่านเข้าสู่เตาหลอมและต่อด้วยกระบวนการขึ้นรูป ออกมาจะเป็นท่อที่มีลักษณะกลวงยาว ท่อเหล็กอาบสังกะสี  คือ การนำเอาท่อที่ได้จากกระบวนการขึ้นรูป (ท่อเหล็กดำ) มาชุบสังกะสี เพื่อให้มีความคงทนต่อการกัดกร่อนของสนิม ซึ่งส่วนประกอบของสังกะสีจะขึ้นอยู่กับแต่ละโรงงาน จากนั้นก็จะนำมาต๊าพเกลียวเพื่อให้สามารถเชื่อมต่อกันได้

ท่อเหล็กดำ (Black Steel Pipe) เป็นท่อเหล็ก ที่มีลักษณะกลวง ยาว โดยมีกระบวนการผลิต 2 รูปแบบ ซึ่งจะได้ท่อเหล็กที่มีลักษณะแตกต่างกัน ทั้งสองวิธีจะเริ่มต้นโดยการนำวัตถุดิบเข้าสู่เตาหลอม แล้วขึ้นรูปโดยการรีดให้เป็นท่อเหล็กดำไม่มีตะเข็บ (Seamless Steel Pipe) หรือ จะโดยวิธีการเชื่อมปลายสองข้างให้ติดกัน ซึ่งจะได้ท่อเหล็กมีตะเข็บ ( ERW Steel Pipe)

 

อรรถบทดีๆเกี่ยวกับแสลนกรองแสง หรือ ตาข่ายกรองแสง

การงานของแสลนกรองแสงตรงนั้นเป็น การหายทอนความเข้มแสงให้บางเบาลงเนื่องด้วยไม่ให้ต้นนั้นได้แสงสว่างหนาตาจนเกินไป การคัดเลือกร้อยละในการกรองแสงของแสลนกรองแสงก็จะขึ้นอยู่กับชนิดของพฤกษ์ กับคราวอายุของไม้ที่เราปลูกค่ะ เช่น ในช่วงของการปักชำเม็ด จนถึงเวลาเตรียมประถมกล้าก็ต้องใช้งานกรองแสงมากหน่อยประมาณการ 70% ถึง 80% ครับ และเมื่อต้นกล้ามีชราขึ้น จนรอบรู้ย้ายลงปรวนแปรเพาะเลี้ยงได้นั้น โควตาแสงที่ได้รับก็ต้องเพิ่มปริมาณ เราอาจใช้กรองแสงแค่ประมาณ 50% ถึง 60% ก็พอต่อความใคร่ได้ของต้นแล้วล่ะ และถ้าหากประเภทพืชที่ปลูกนั้น เป็นไม้ตระกูลที่ไม่ชอบแสงกล้า ประสงค์ร่มเงา อย่างเช่น กล้วยไม้ ต้นกลุ่มนี้ไม่ต้องการแสงส่วนแบ่งมากๆ ด้วยเหตุนั้นเราก็ต้องใช้กรองแสงในโควตาที่สูงขึ้นซัก 80% กำลังดี

และอีกเรื่องคือ สีของแสลนกรอง ที่มีทั้ง สีดำ และ สีเขียว แล้วเราน่าใช้สีอะไรดีล่ะ? ทั้ง 2 สีนั้นมีความแตกต่างกันในเรื่องของสีกับแสงและจิตใจ อีกนัยหนึ่ง แสลนกรองแสง หรือ ตาข่ายกรองแสง สีดำนั้นจะไม่ไปลบออกค่าความยาวของคลื่นแสง แสงที่ลอดผ่านแสลนกรองแสงสีดำนั้น จะเป็นแสงขาวเหมือนที่เราเห็นครอบคลุม แต่แสลนกรองแสงสีอื่นจะตีกลับฟันค่าความยาวของคลื่นแสงไฟที่เป็นสีเดียวกันกับสีของแสลนกรองแสงนั้นออกไป และพืชก็มุ่งหมายแสงสีน้ำเงินและแดงเป็นหลัก ซึ่งรวมอยู่ในแสงสีขาวตรงนั้นอยู่แล้ว ถ้าแสงสีเหล่านี้ถูกตัดทอนออกไปก็จะมีผลต่อการสังเคราะห์แสงสว่าง จนถึงการเจริญก้าวหน้าเจริญงอกงามของต้นไม้ครับ จำพวกแสลนกรองแสงสีเขียวนั้นเราจะเห็นคนเลือกสรรใช้กันมากมายยิ่งกว่าสีดำ นั่นก็ด้วยว่า ประเด็นหนึ่งเลยคือแสลนสีดำหักความร้อนได้ดีกว่าสีเขียว ตามคุณค่าของสีดำ ซึ่งมีผลให้ในระยะยาวแสลนสีดำนั้นจะพุพังเสื่อมคุณค่าเร็วกว่าสีเขียวนั่นเอง

 

 

การเลือกเฟ้นจับจ่ายตรายาง และตราประทับ ให้เข้ากับการใช้การงาน

ในปัจจุบันได้มีการทำตรายาง  และตราประทับ เพิ่มขี้นอย่างมากมาย วันนี้เราจึงมาชี้ช่องทางการเลือกสรรจ่ายเงินตรายาง ให้เหมาะเจาะกับการใช้ธุรกิจ   ตรายางหรือตราประทับ ที่มีอยู่ในท้องตลาดนั้นอาจแยกได้เป็น 2 ส่วน ได้แก่

1)ตรายางสำเร็จรูป จะเป็นตรายางที่ทำครั้งหนึ่งในจำนวนมาก จะมีขายตามห้างสรรพสินค้าธารณะนั้น ตรายางประเภทดังกล่าว ส่วนมากจะเป็นประเด็นที่ใช้กันอยู่บ่อยๆเช่น จ่ายแล้ว สำเนาถูกต้องและตรายางวันที่ ฯลฯ ตรายางสำเร็จรูปจะมีข้อดีคือ ความถูก ส่วนความคงทนถาวรนั้นขึ้นอยู่กับกับคุณลักษณะยางที่กองกลางเลือกใช้ในการผลิต ซึ่งส่วนมากจะผลิตจากยางดิบซึ่งมีความถาวรในการใช้งานอยู่แล้ว

2)ตรายางสั่งทำพิเศษ จะเป็นตรายางที่มีการดีไซน์อย่างเดียว ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้ในการจดทะเบียนบริษัท ปั้มเช็ค การทำตรายางสั่งทำพิเศษจำพวกนี้ จะมีวิธีการการทำที่มากกว่า ซึ่งควรอาศัยการออกแบบทางคอมพิวเตอร์กราฟฟิกก่อน ต่อจากนั้นจึงนำไปถ่ายฟิมล์Negative หรือ พิมพ์ลงกระดาษไขกลับสีดำก็ได้ จากนั้น จึงนำเข้าเครื่องอัดตรายางแล้วนำไปประกอบด้ามตรายาง ซึ่งเราสามารถที่จะคัดเป็นด้ามไม้ ด้ามพลาสติก หรือ ด้ามหมึกในตัวก็ได้ โดยเหตุนั้น การผลิตตรายางพรรณนี้จึงมีราคาสูงกว่าพร้อมทั้งตรงตามความต้องการกว่าตรายางสำเร็จรูป ส่วนหมวดยางก็สามารถคัดเลือกได้ว่าจะเป็น ยางแก้ว ยางดิบ ซึ่งความคงทนก็จะแตกต่างกัน

ดังนั้นการเลือกซื้อตรายางจึงควรคำนึงถึงการใช้งานเป็นหลัก โดยหาก ต้องการความสะดวกสบาย เราต้องเลือกเป็นด้ามหมึกในตัว หากใคร่ได้ความมั่นคงก็ควรเลือกสรรเป็นด้ามไม้ ส่วนยางก็พึงจะเป็น ยางแก้ว หรือ ยางดิบก็ได้ เพราะยางหมู่นี้จะความยั่งยืนการใช้งาน

ส่วนการรักษานั้น ไม่ควรเก็บในที่ร้อน ทั้งนี้เพราะจะทำให้ยางกรอบ

ส่วนการยุทธวิธีใช้นั้น ก็ไม่ควรปั้มด้วยแรงกดที่แรงเกินไป เพราะจะทำให้ยางเปลี่ยนรูปกับผิดเพี้ยนไปจากเดิม

Finger Scan คืออะไร

Finger Scan หรือเครื่องสแกนลายนิ้วมือ เกิดจากการนำความรู้ในเรื่องของลายนิ้วมือ มาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์เพราะลายนิ้วมือของมนุษย์ทุกคนนั้นไม่มีทางที่จะเหมือนกัน ดังนั้นจึงถูกนำมาใช้ในการยืนยันตัวตน เช่น การทำบัตรประชาชนการเข้าโรงรับจำนำ และการทำใบมรณะบัตร ซึ่งจากหลักการนี้เอง จึงถูกนำมาใช้ในการทำงานของเครื่องสแกนลายนิ้วมือนั่นเอง
Finger Scan แปลตรงตัวก็คือการทำงานโดยใช้ลายนิ้วมือหรือ Fingerprint ทาบไปที่หัวอ่าน เพื่อทำการเทียบเคียงกับลายนิ้วมือที่ทำการบันทึกเอาไว้ก่อนหน้านี้ หากข้อมูลตรงกัน ระบบจึงจะทำงานตามที่ได้กำหนดเอาไว้ เช่นถ้าเป็นเครื่องบันทึกเวลาก็จะทำการบันทึกข้อมูลของเจ้าของลายนิ้วมือลงไปในฐานข้อมูล แต่ถ้าหากเป็นเครื่องควบคุมประตูระบบแขนกลก็จะทำการเปิดประตูนั่นเอง
บริษัทส่วนใหญ่จะนิยมใช้เครื่องสแกนลายนิ้วมือ เนื่องจากเครื่องสแกนลายนิ้วมือนั้นมีข้อดีตรงที่ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายให้กับองค์กรหรือธุรกิจได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดเล็ก หรือขนาดใหญ่ ก็สามารถใช้งานได้อย่างไม่มีปัญหา ที่สำคัญรองรับการเติบโตของธุรกิจ โดยที่ท่านไม่ต้องลงทุนเพิ่มเลยแม้แต่น้อย แตกต่างจากเครื่องตอกบัตร หรือ  เครื่องรูดบัตร ที่ท่านต้องซื้อบัตรตอกหรือบัตรรูดเพิ่มในกรณีที่ธุรกิจของท่านขยายตัว
ถ้าถามว่าเครื่องสแกนลายนิ้วมือนั้นมีความสำคัญหรือไม่ ก็คงต้อบอกว่าหากธุรกิจของท่านสามารถที่จะรู้ข้อมูลการทำงานของพนักงานท่าน ว่าคนไหนมาเช้า คนไหนมาสาย คนไหนพักเกินเวลา คงจะดีกว่าไม่รู้อะไรเลย เหมือนคนตาบอดคลำช้าง แบบนี้คงไม่ดีอย่างแน่นอน